การวิเคราะห์หาค่าบีโอดี (BOD) เป็นการวัดความสกปรกของ น้ำเสีย ในเทอมของออกซิเจนที่แบคทีเรียใช้ในการย่อยสารอินทรีย์ชนิดที่ย่อยสลายได้ภายใต้สภาวะที่มีออกซิเจน
การหาบีโอดีเป็นกระบวนการทดสอบทางชีววิทยาเพื่อหาปริมาณค่าออกซิเจนซึ่งแบคทีเรียใช้ในการย่อยสารอินทรีย์ในน้ำเสียภายใต้สภาวะที่เหมือนกับที่เกิดในธรรมชาติที่สุด เพื่อที่จะให้การวิเคราะห์เป็นปริมาณการวิเคราะห์ จึงต้องทำให้แฟคเตอร์ต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการย่อยสลายคงที่ นั่นคือ ค่าบีโอดีมาตรฐานต้องบ่ม (Incubate) ที่อุณหภูมิ 20 ± 1 ๐ซ เป็นเวลา 5 วัน
การเลือกวิธีวิเคราะห์บีโอดี มี 2 แบบ
1. วิธีแบบโดยตรง เหมาะสำหรับน้ำที่มีความสกปรกน้อย ที่มีค่า BOD ไม่เกิน 7 มก./ลิตร
2. วิธีแบบโดยเจือจาง เหมาะสำหรับน้ำที่มีความสกปรกมากที่มีค่า BOD เกิน 7 มก./ลิตรต้องเจือจางตัวอย่างน้ำให้มีออกซิเจนที่เพียงพอในการย่อยสลายสารอินทรีย์
การเก็บและรักษาตัวอย่างน้ำ
หลังจากเก็บตัวอย่างน้ำทำการวิเคราะห์ทันที แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ควรนำตัวอย่างน้ำไปแช่เย็นที่อุณหภูมิ 4 ๐ซ และเมื่อจะนำตัวอย่างที่แช่เย็นมาวิเคราะห์ ต้องปล่อยตัวอย่างให้มีอุณหภูมิห้องเสียก่อน
เครื่องมือและอุปกรณ์
1.ขวดบีโอดี ขนาด 250-300 มล. พร้อมจุกปิดสนิท ขวดที่ใช้ต้องปราศจากสารอินทรีย์ การทำความสะอาดควรล้างด้วยสารละลายกรดโครมิค แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ฉีดน้ำกลั่นล้างอีกหลายๆครั้ง คว่ำให้แห้ง
2.ตู้ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งควบคุมอุณหภูมิได้ที่ 20 ± 1 ๐ซ และต้องมืด
อุปกรณ์เครื่องแก้วต่าง ๆ เช่น กระบอกตวง บิวเรต ขวดรูปกรวย
เครื่องจ่ายลม แบบเดียวกับที่ใช้กับตู้เลี้ยงปลา
สารเคมี
น้ำกลั่น : ต้องมีคุณภาพสูง ควรมีทองแดงน้อยกว่า 0.001 มก./ล. ปราศจากคลอรีน คลอรามีน สารอินทรีย์ กรดและด่าง (pH ต้องเป็นกลาง)
สารละลายฟอสเฟตบัฟเฟอร์ : สารละลายโปแตสเซียมไฮโดรเจนฟอสเฟต 8.5 กรัม ไดโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟตเฮปตะไฮเดรต 33.4 กรัม ไดโปแตสเซียมไฮโดรเจนฟอสเฟต 21.75 กรัม และแอมโมเนียมคลอไรด์ 1.7 กรัม ในน้ำกลั่น 500 มล. แล้วเจือจางให้เป็น 1 ลิตร
สารละลายแมกนีเซียมซัลเฟต : สารละลายแมกนีเซียมซัลเฟตเฮปต้าไฮเดรต จำนวน 22.5 กรัม ในน้ำกลั่นแล้วเจือจางให้เป็น 1 ลิตร
สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ : สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ปราศจากน้ำ 27.5 กรัม ในน้ำกลั่นแล้วเจือจางให้เป็น 1 ลิตร
สารละลายแฟริคคลอไรด์ : สารละลายแฟริคคลอไรด์เฮกซะไฮเดรต 0.25 กรัม ในน้ำกลั่นแล้วเจือจางให้เป็น 1 ลิตร
สารละลายแมงกานีสซัลเฟต : สารละลายแมงกานีสซัลเฟตโมโนไฮเดรต 364 กรัม หรือแมงกานีสซัลเฟตเตตราไฮเดรต 480 กรัม หรือแมงกานีสซัลเฟตไดไฮเดรต 400 กรัม ในน้ำกลั่นกรองแล้วเจือจางเป็น 1 ลิตร
สารละลายอัลคาไล-ไอโดไดด์-เอไซด์ : สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ 500 กรัม ในน้ำกลั่นเจือจางเป็น 1 ลิตร และละลายโซเดียมเอไซด์ 10 กรัม ในน้ำกลั่น 40 มล. แล้วเติมลงในสารละลายข้างต้น
กรดซัลฟูริคเข้มข้น (36 N)
น้ำแป้ง : ละลายแป้ง 5 กรัม ในน้ำต้ม 800 มล.เติมน้ำให้ได้ 1 ลิตร ต้มให้เดือด 2-3 นาที ตั้งค้างคืนใช้แต่น้ำใส เติม Salicylic Acid 1.25 กรัม ต่อน้ำแป้ง 1 ลิตร
สารละลายโซเดียมไธโอซัลเฟต 1 นอร์มัล : สารละลายโซเดียมไธโอซัลเฟตเพนตะไฮเดรต จำนวน 24.82 กรัม ในน้ำต้มที่เย็นแล้ว เติมจนได้ปริมาตร 1 ลิตร
สารละลายมาตรฐานโซเดียมไธโอซัลเฟต 0.0250 นอร์มัล : เตรียมโดยเจือจางสารละลายโซเดียมไธโอซัลเฟต 0.1 นอร์มัล จำนวน 250 มล. ด้วยน้ำกลั่นให้เป็น 1 ลิตร เก็บรักษาโดยการเติมคลอโรฟอร์ม 5 มล. หรือใช้ไฮดรอกไซด์ 0.4 กรัม ต่อสารละลาย 1 ลิตร สารละลายนี้ต้องนำมาหาความเข้มข้นที่แน่นอนด้วยสารละลายมาตรฐานไดโครเมต
สารละลายมาตรฐานโพแทสเซียมไดโครเมต 0.0250 นอร์มัล : สารละลายโพแทสเซียมไดโครเมตที่อบแห้งที่อุณหภูมิ 103 ๐ซ นาน 2 ชม. จำนวน 1.226 กรัมต่อน้ำกลั่น 1 ลิตร
สารละลายมาตรฐานโซเดียมซัลไฟล์ 0.0250 นอร์มัล : สารละลายมาตรฐานโซเดียมซัลไฟล์ปราศจากน้ำ 1.575 กรัม ในน้ำกลั่น 1 ลิตร (สารละลายตัวนี้ไม่อยู่ตัวต้องเตรียมในวันที่จะใช้เท่านั้น)
การเตรียมตัวอย่างน้ำก่อนการวิเคราะห์
ตัวอย่างน้ำที่เป็นด่างหรือกรด ต้องปรับ pH ให้เป็นกลาง ก่อนด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ 1 นอร์มัล หรือกรดซัลฟูริค 1 นอร์มัล โดยที่ปริมาตรของด่างหรือกรดที่เติมจะต้องไม่เจือจางตัวอย่างมากเกิน 5 เปอร์เซ็น