โรงงานสถานที่ผลิตคือสถานที่มีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมามากมาย และในแต่ละกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะมีขนาดใหญ่และปริมาณมาก ๆ ทำให้โรงงานกลายเป็นแหล่งที่เกิดของเสียต่าง ๆ ขึ้นมามากมายโดยเฉพาะน้ำเสียที่หากปนเปื้อนออกไปในสภาพแวดล้อมก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ ยิ่งปนเปื้อนลงไปในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ก็อาจทำให้การนำไปใช้งานเพื่อการบริโภคและทำการเกษตรมีอันตรายได้ เกิดความจำเป็นที่จะต้องจัดทำระบบบำบัดน้ำเสีย ในโรงงานขึ้นมา ซึ่งการบำบัดน้ำเสียหมายถึงการขจัดหรือทำลายสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ในน้ำเสียให้หมดไป หรือให้เหลือในปริมาณที่น้อยที่สุดตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
แต่เนื่องจากกิจกรรมภายในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างโรงงานอาหารน้ำเสียก็มักมีการปนเปื้อนของเศษอาหาร คราบไขมัน และเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ แต่ในส่วนของโรงงานเยื่อกระดาษน้ำเสียก็มักมีการปนเปื้อนของสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ หรืออุตสาหกรรมไฟฟ้าน้ำเสียก็จะมีการปนเปื้อนของโลหะและสารเคมีชนิดต่าง ๆ ดังนั้นระบบบำบัดน้ำเสีย ในโรงงานจึงมีความแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไป
ระบบบำบัดน้ำเสียในโรงงานสามารถแบ่งประเภทของระบบบำบัดน้ำเสียได้ดังนี้
1. การบำบัดน้ำเสียขั้นต้นเป็นขั้นตอนการบำบัดทางกายภาพ
โดยแยกสิ่งสกปรกที่มีขนาดใหญ่ เป็นของแข็งที่ไม่ละลายน้ำออกไป เป็นการแยกโดยใช้ตะแกรง หรือทำให้เกิดการตกตะกอนในถังตกตะกอน เรียกว่าการทำ Sludge เป็นขั้นตอนที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันภายในท่อระบายน้ำ ป้องกันความเสียหายของเครื่องสูบน้ำ และขั้นตอนการบำบัดนี้ยังรวมถึงการขจัดไขมันด้วยถังดักไขมันด้วย
2. การบําบัดน้ำเสียขั้นที่ 2 เป็นระบบบำบัดน้ำเสีย
ในโรงงานเพื่อลดความสกปรกของน้ําเสียโดยวิธีทางเคมีหรือชีวภาพ สารเคมีและจุลินทรีย์ที่ใช้จะขึ้นกับลักษณะและปริมาณของน้ำเสียที่เกิดขึ้น ตัวอย่างขั้นตอนการบำบัดนี้คือการบำบัดด้วยจุลินทรีย์แบบสังเคราะห์ด้วยแสง และจุลินทรีย์แบบไม่สังเคราะห์ด้วยแสง รวมถึงการปรับค่า pH ของน้ำด้วยสารเคมี เป็นต้น
3. การบำบัดน้ำเสียขั้นสูง
เป็นกระบวนการกําจัดสารเคมีอย่างไนโตรเจน และฟอสฟอรัสที่จุลินทรีย์ใช้เพื่อการเจริญเติบโต สี สารแขวนลอยที่ตกตะกอนยาก และสารพิษอื่น ๆ ที่ไม่สามารถกำจัดด้วยกระบวนการบําบัดน้ำเสียในขั้นที่ 2 เป็นระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ดีขึ้น หรือเพื่อให้น้ำมีคุณภาพดีจนสามารถนำกลับมาใช้ใหม่
อย่างไรก็ดีเพื่อให้ระบบบำบัดน้ำเสีย ในโรงงานมีประสิทธิภาพในการจัดการน้ำเสีย จำเป็นต้องพิจารณาระบบบำบัดน้ำเสียที่มีความเหมาะสม สามารถจัดการกำจัดน้ำเสียในปริมาณที่เกิดขึ้น สามารถจัดการกับของเสียและสิ่งที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม
เทคนิคการจัดการกับของเสียและสิ่งที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
1. ปริมาณน้ำเสียของโรงงาน
ปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละโรงงานนั้นมีความแตกต่างกัน ขึ้นกับปริมาณน้ำทิ้งที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการทำงาน และปริมาณผลิตของโรงงานนั้น ๆ ดังนั้นหากต้องการวางระบบบำบัดน้ำเสีย ในโรงงานให้เหมาะสม ควรพิจารณาจากปริมาณน้ำทิ้งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด และต้องพิจารณาให้ครบถ้วนในทุก ๆ ขั้นตอนการทำงานว่ามีปริมาณน้ำเสียเกิดขึ้นเท่าใด
2. ลักษณะของน้ำเสียที่เกิดขึ้นของโรงงาน
น้ำทิ้งที่เกิดจากโรงงานสถานที่ผลิตแต่ละประเภทนั้นจะมีสารพิษ สิ่งสกปรก และปริมาณตะกอนที่แตกต่างกัน อย่างโรงงานอาหารนอกจากจะมีเศษอาหารที่ต้องกำจัดแล้ว ยังมักมีปริมาณไขมันปนเปื้อนในปริมาณที่สูงอีกด้วย แต่ในกรณีของโรงงานผลิตยาอาจมีสารเคมีจากยาปนเปื้อน แต่ไม่มีการปนเปื้อนของไขมันได้
3. กฎหมายหรือมาตรฐานที่กำหนด
ในปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้เป็นปัญหาสำคัญที่หน่วยงานของรัฐต่างให้ความสำคัญ ดังนั้นจึงมีการกำหนดมาตรฐานและรายละเอียดของค่าคุณภาพของน้ำทิ้งที่จะระบายออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะได้ ดังนั้นก่อนจัดเตรียมระบบบำบัดน้ำเสีย ในโรงงานควรมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียที่เกิดขึ้นภายในโรงงานก่อนว่ามีสารปนเปื้อนใดบ้าง และมีปริมาณเท่าใด สอดคล้องกับที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และเมื่อผ่านการบำบัดแล้วคุณภาพของน้ำเสียนั้นดีขึ้น หรือสอดคล้องกับค่ามาตรฐานของกฎหมายหรือไม่
4. ระยะเวลาที่ใช้ในการบำบัด
ระยะเวลาที่ใช้ในการบำบัดในแต่ละขั้นตอนนั้นแตกต่างกัน อย่างกรณีของถังตกตะกอน หากตะกอนในน้ำเสียมีลักษณะแขวนลอยและมีอนุภาคขนาดเล็ก ๆ มาก ๆ อาจต้องใช้เวลาในถังตกตะกอนที่นานมากขึ้น อาจต้องพิจารณาเพิ่มถังพักน้ำเสีย หรือขนาดของถังตกตะกอนให้เหมาะสมกับการบำบัดด้วย
5. ผู้ให้บริการจัดวางระบบบำบัดน้ำเสีย
ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการจัดทำระบบบำบัดน้ำเสีย ในโรงงานเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นในกรณีที่โรงงานกำลังพิจารณาทำระบบบำบัดน้ำเสียควรพิจารณาเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ มีทีมงานที่เข้ามาดูแลพร้อมแนะนำวิธีการจัดการะบบบำบัดน้ำเสียที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีที่สุด
เพราะปัญหาน้ำเสียนับเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ ดังนั้นการเลือกระบบบำบัดน้ำเสีย ในโรงงานที่เหมาะสมจึงจำเป็นเป็นอย่างมาก และมีรายละเอียดที่แต่ละโรงงานจะต้องพิจารณาก่อนการวางระบบ ทั้งลักษณะของสารปนเปื้อน และสารที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมในน้ำเสีย ปริมาณของน้ำเสียที่ต้องจัดการบำบัด และมาตรฐานของน้ำเสียที่จะต้องบำบัดให้ได้ก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะต่อไป ซึ่งเมื่อจัดวางระบบบำบัดน้ำเสียแล้วต้องเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่มีหน้าที่ดูแลระบบบำบัดน้ำเสียด้วย เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการใช้งานระบบบำบัดน้ำเสียได้อย่างเหมาะสมด้วย
บทสรุป
ระบบบำบัดน้ำเสียในโรงงานสามารถแบ่งประเภทของระบบบำบัดน้ำเสียได้ดังนี้
1. การบำบัดน้ำเสียขั้นต้นเป็นขั้นตอนการบำบัดทางกายภาพ
2. การบําบัดน้ำเสียขั้นที่ 2 เป็นระบบบำบัดน้ำเสีย
3. การบำบัดน้ำเสียขั้นสูง
เทคนิคการจัดการกับของเสียและสิ่งที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
1. ปริมาณน้ำเสียของโรงงาน
2. ลักษณะของน้ำเสียที่เกิดขึ้นของโรงงาน
3. กฎหมายหรือมาตรฐานที่กำหนด
4. ระยะเวลาที่ใช้ในการบำบัด
5. ผู้ให้บริการจัดวางระบบบำบัดน้ำเสีย
สนใจใช้บริการกับทาง Siammat ด้านการ ตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม
Your Environmental Management Must Be Better
“เราอยากให้การจัดการสิ่งแวดล้อมของคุณดีขึ้น”
ติดต่อเราได้ที่
Head Office
02-8137550-1
02-8137552
Amata City Chonburi
089-2012642